วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

กิจกรรมการสอนศีลธรรมในโรงเรียนระดับประถมศึกษา พุทธประวัติ


พุทธประวัติ
                        เมื่อประมาณ ๓,๐๐๐ ปีมาแล้ว   มีราชธานีเมืองหนึ่งชื่อว่า กรุงกบิลพัสดุ์   ตั้งอยู่ในอาณาจักร ชมพูทวีป
มีพระราชาพระนามว่า พระเจ้าสุทโธทนะ เป็นผู้ครองนคร  และมีพระมเหสีพระนามว่า    พระนางสิริมหามายา
                เมื่อพระนางสิริมหามายาทรงมีพระครรภ์ จึงได้ทูลขออนุญาตจากพระราชสวามี เพื่อเสด็จไปยังกรุงเทวทหะ อันเป็นถิ่นกำเนิดของพระนาง   ครั้นเมื่อขบวนเสด็จผ่านมาถึงสวนลุมพินี      พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ซึ่งตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หลังจากนั้นก็เสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์   เมื่อพระโอรสประสูติได้ ๕ วัน พระเจ้าสุทโธทนะ  ทรงประกอบพิธีขนานพระนาม โดยเชิญพราหมณ์ ๑๐๘ คน มาประชุมเพื่อทำพิธี  ในครั้งนั้นทรงขนานพระนามว่า สิทธัตถะ แปลว่า ผู้สำเร็จตามความประสงค์   และยังได้ทำนายว่า ถ้าพระโอรสอยู่ครองเมืองจักเป็นพระเจ้าจักรพรรดิที่ยิ่งใหญ่ แต่ถ้าออกผนวชจะได้เป็นศาสดาเอกของโลก
                หลังจากที่เจ้าชายสิทธัตถะประสูติได้ ๗ วัน พระนางสิริมหามายาได้สิ้นพระชนม์ลง เจ้าชายสิทธัตถะจึงได้อยู่ในความดูแลของพระนางปชาบดีโคตมี   ซึ่งเป็นน้องสาวของพระนางสิริมหามายา  เจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมพรรษาได้ ๗ พรรษา ดังนั้นพระราชบิดาให้ศึกษาศิลปวิทยาในสำนักครูวิศวามิตร เจ้าชายสามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็วจนสิ้นความรู้ของอาจารย์
                เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุได้ ๑๖ พรรษา ได้อภิเษกสมรสกับพระนางพิมพา หรือ ยโสธรา และเมื่อพระชนมายุได้ ๒๙ พรรษา มีพระโอรสองค์หนึ่งพระนามว่า ราหุล
ตรัสรู้
                ครั้งหนึ่งเจ้าชายสิทธัตถะได้เสด็จออกประพาสอุทยาน ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูต ๔ ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ   ทำให้พระองค์คิดว่า คนทั้งหลายล้วนต้องประสบการเกิด แก่ เจ็บ และตายไม่มีใครรอดพ้น และคิดว่าการออกบวชจะช่วยให้พ้นทุกข์ได้พระองค์จึงเสด็จออกบวชในคืนนั้นโดยมีม้ากัณฐกะ และมีนายฉันนะเป็นผู้ติดตามและบวชที่ฝั่งแม่น้ำอโนมา
                เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะผนวชแล้ว ได้ไปศึกษาอยู่ในสำนักอาฬารดาบส กาลามโคตร และอุทกดาบสรามบุตร ศึกษาจนสำเร็จก็ไม่พบทางพ้นทุกข์ จึงเสด็จไปแสวงหาธรรมที่อื่นต่อไป
             ต่อมาพระองค์ได้บำเพ็ญทุกรกิริยากลั้นลมหายใจเข้าออก  อดอาหาร  จนพระวรกายผ่ายผอม ก็ยังไม่พบหนทางพ้นทุกข์  จึงทรงเลิกวิธีทรมานร่างกายเป็นเหตุให้ปัญจวัคคีย์ที่เฝ้าปรนนิบัติอยู่เห็นว่าพระองค์ทรงเลิกบำเพ็ญเพียรแล้วจึงได้พากันหนีไปอยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน  แขวงเมืองพาราณสี
พระสิทธัตถะได้กลับมาเสวยอาหารเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง    แล้วบำเพ็ญเพียรด้วยการนั่งสมาธิ ทำจิตให้เกิดสมาธิแน่วแน่    พิจารณาความเป็นไปของธรรมชาติจึงเกิดความรู้แจ้งตรัสรู้ใน   อริยสัจ ๔   ซึ่งถือเป็นหนทางแห่งการดับทุกข์ ณ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์  ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา  ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖ ขณะที่มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษา  และได้รับการขนานพระนามใหม่ว่า พระพุทธเจ้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น